เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ ๗ ของไทย

เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ ๗ ของไทย

วันที่นำเข้าข้อมูล 28 ก.ย. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 3 ต.ค. 2566

| 866 view

เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (World Heritage Committee) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย มีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่งเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก ภายในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ. ๑๙๗๒ (Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage หรืออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) โดยแหล่งเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกลำดับที่ ๗ ของไทย ก่อนหน้านี้ ไทยมีมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ๖ แหล่ง ได้แก่ (๑) เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (๒) นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร (๓) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร - ห้วยขาแข้ง (๔) แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (๕) ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และ (๖) กลุ่มป่าแก่งกระจาน

เมืองโบราณศรีเทพตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ๓ แหล่งที่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน คือ เมืองโบราณศรีเทพ โบราณสถานเขาคลังนอก และโบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์ มีอายุมากกว่า ๑,๕๐๐ ปี และด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความเหมาะสม จึงมีการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว มีผังเมืองที่มีอัตลักษณ์แตกต่างไปจากผังเมืองสมัยทวารวดีทั่วไป และยังมีรูปแบบศิลปกรรมที่โดดเด่น และแตกต่างจากเมืองสมัยทวารวดีในที่อื่น ๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปกรรมในสกุลช่างศรีเทพ

การขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของไทยและถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลต่อคุณค่าและความสำคัญของแหล่งเมืองโบราณศรีเทพในฐานะมรดกโลกทางวัฒนธรรม รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และป้องกัน เมืองโบราณศรีเทพให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสมบัติของคนรุ่นใหม่และคนทั้งโลกต่อไป

อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ค.ศ. ๑๙๗๒ ได้รับการรับรองในที่ประชุมสมัยสามัญของยูเนสโกเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่นานาประเทศได้ร่วมกันบริจาคเงินกว่า ๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านยูเนสโกให้แก่อียิปต์และซูดาน เพื่อเคลื่อนย้ายและบูรณะวิหาร Abu Simbel ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมภายหลังการก่อสร้างเขื่อนอัสวาน ปัจจุบัน มีรัฐภาคี ๑๙๕ ประเทศ การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกแสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐภาคีที่จะสงวนรักษาความโดดเด่นทางธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้สำหรับคนรุ่นหลัง รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชน

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ